Kitaoji Thailand ร้านอาหาร Kaiseki สไตล์ญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม

Kitaohji Thailand หนึ่งในร้านอาหารประเภท ไคเซกิ (Kaiseki) หรือร้านอาหารดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีรูปแบบการรับประทานเป็นแบบ เมนูคอร์สหรือ อาหารชุด โดยอาหารแต่ละรายการภายในชุด จะต้องอาศัยทักษะ เทคนิคในการเตรียมอาหาร และความพิถีพิถันในการปรุง ซึ่งคล้ายกับอาหารชั้นสูงของฝั่งตะวันตก Haute Cuisine
สำหรับร้าน Kitaohji เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีอายุถึงสามทศวรรษจากญี่ปุ่น โดยมีทั้งหมด 11 สาขาทั่วเมืองโตเกียว และมาเปิดสาขาลำดับที่ 12 ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

เชฟใหญ่แห่งร้าน Kitaohji ซึ่งบินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง เชฟโทชิยะ ฟุนะโคชิ (คนซ้ายของภาพ) เพื่อดูแลความอร่อยให้กับ ร้าน Kitaohji ทุกสาขา รวมถึง เชฟคิโยชิ อาราคาว่า (คนขวาของภาพ) เชฟใหญ่ประจำร้าน Kitaoji Thailand


ก่อนจะเข้าสู่เมนูแรก เรามาทำความรู้จักกับ สื่งที่ลูกค้าในร้านนี้จะต้องได้ลิ้มลอง อย่าง Welcome drink หรือ สาเกที่รินใส่กล่องไม้และถูกนำมาเสิร์ฟอย่างดี โดยในส่วนมุมของภาชนะที่บรรจุสาเกนั้น จะโรยเกลือเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสชาติในการรับประทานนั่นเอง

Welcome Drink เป็นสาเก แต่ต้องโรยเกลือลงไปด้วย
Assortment of Appetizers (อาหารทานเล่น)
เริ่มด้วยอาหารทานเล่น กับกล่องอาหารและถาดรองจาน ที่มาพร้อมกับตะเกียบ ผ้าเช็ดปาก และที่รองแก้ว ด้วยดีไซน์ไม้ ที่ให้กลิ่นอายญี่ปุ่นย้อนยุค
เมื่อยกฝาของกล่องไม้ขึ้น เราก็จะพบกับ…
1. Simmered Spinach with Sesame ผักโขมใบเขียวที่นำมาห่อเป็นก้อนมากิโรยหน้าด้วยงา
2. Simmered Octopus ปลาหมึกกรุบกรอบสีน้ำตาลและก้อนมันสีขาว
3. Simmered cuttlefish with grated diakon radish ปลาหมึกตัวจิ๋วในถ้วยสีเหลี่ยมขนมเปียกปูนสีขาว โรยด้วยหัวไชเท้าขูด
4. Fried Shiitake mushroom and shrimp เห็ดชิตาเกะผัดยัดไส้กุ้ง
5. Baby turban shell หอยซาซาเอะ
6. Japanese omelete with laver ไข่หวานสไตล์ญี่ปุ่น และ
7. Broiled Sable fish Teriyaki ปลาย่างเทอริยากิ ในรูปแบบของกล่องข้าวอาหารกลางวัน
1. Simmered Spinach with Sesame ผักโขมใบเขียวที่นำมาห่อเป็นก้อนมากิโรยหน้าด้วยงา
2. Simmered Octopus ปลาหมึกกรุบกรอบสีน้ำตาลและก้อนมันสีขาว
3. Simmered cuttlefish with grated diakon radish ปลาหมึกตัวจิ๋วในถ้วยสีเหลี่ยมขนมเปียกปูนสีขาว โรยด้วยหัวไชเท้าขูด
4. Fried Shiitake mushroom and shrimp เห็ดชิตาเกะผัดยัดไส้กุ้ง
5. Baby turban shell หอยซาซาเอะ
6. Japanese omelete with laver ไข่หวานสไตล์ญี่ปุ่น และ
7. Broiled Sable fish Teriyaki ปลาย่างเทอริยากิ ในรูปแบบของกล่องข้าวอาหารกลางวัน

หน้าตาของชุด Taraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) จะเป็นแบบนี้
มาเมนูที่ Sashimi กับสารพันปลาสดตามฤดูกาล ซึ่ง Sashimi ในชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว)
จะถูกวางบนแผ่นไม้รองด้วยตระแกรงในจานดินเผาสีดำ

Sashimi ในชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว)
ส่วน Sashimi ในชุด Taraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) นั้น จะถูกวางบนแผ่นไม้ ซึ่งด้านใต้จะมีก้อนน้ำแข็งที่จัดวางอย่างพอดิบพอดีอยู่ในภาชนะกระเบื้องสี่เหลี่ยมสีขาวสลับดำ

Taraba king
Main Dish (อาหารจานหลัก)
ถึงเวลาของจานใครจานมัน กับ Main Dish ซึ่งเราจะมาพูดถึง ชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว) เมนูจานหลักอย่าง Wagyu beef steak with original miso , seasonal vegetable หรือ วากิวสเต็กกับมิโซะและผักตามฤดูกาล กับเนื้อวากิวคุณภาพเกรด A4 จากแดนอาทิตย์อุทัย ที่เสิร์ฟคู่มากับซอสมิโซะ กับส่วนผสมพิเศษเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม อย่าง โคจิมิโซะ น้ำตาล มิริน และเหล้าญี่ปุ่น

Kobachi Grill eel with vinegar (ปลาไหล Kobachi ย่าง ในน้ำส้มสายชู)
สำหรับจานนี้ ไม่ว่าจะเป็นชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว) หรือชุด Taraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) นั้น จะถูกเสิร์ฟด้วยเมนู Kobachi Grill eel with vinegar หรือ ปลาไหล Kobachi ย่างในน้ำส้มสายชู ซึ่งความพิเศษทั้งหมดจะอยู่ที่ซอสปลาไหล ในซุปคาซึโอ กับเนื้อปลาไหลย่างในน้ำส้มสายชู กับส่วนผสมอย่างแตงกวา สาหร่าย ดอกไม้ และวาซาบิ ที่วางเข้าไว้ด้วยกันในถ้วยกระเบื้อง

ตามมาติดๆ กับ Barley Tea หรือ ชาบาร์เลย์ ส่วนผสมของ ‘ชาเซนฉะ’ และ ‘ชาบันฉะ’ ที่นำมาคั่วเข้าด้วยกันในอุณหภูมิสูงถึง 180 องศาเซลเซียส จนกลายเป็นสีน้ำตาลอมแดงเข้ม จึงส่งผลทำให้ชาบาร์เลย์นี้มีคาเฟอีนน้อย อีกทั้งยังมีลักษณะพิเศษคือกลิ่นหอม

Fried Dish (จานทอด)
มาที่เมนูทอดๆ กันบ้างดีกว่า แน่นอนว่าเราจะขอกล่าวถึงเมนูทอดของ ชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว) กันก่อน นั่นก็คือ Deep fried crab with egg หรือ ปูทอดไข่ จะว่าไปแล้วทั้งรสชาติและรูปลักษณ์ก็ดูคล้ายกับ ‘ปูจ๋า’ ของเมืองไทยบ้านเราอยู่เหมือนกัน

ทางด้านจานทอดของชุด Taraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) ก็ได้ส่งจานร้อนมาประชัน ภายใต้ชื่อ Snow Crab tempura หรือ เทมปุระปูหิมะ ในเมนูก้ามปูชุบแป้งทอดสีเหลืองทองกับซอสสูตรเด็ด

Meal (อาหารมื้อ)
เริ่มจาก Steamed rice with Chicken in vegetable soup, Japanese pickles หรือ ข้าวมันไก่ในซุปผักดองญี่ปุ่น (จานซ้าย) เมนูมื้ออาหารของชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว) กับมื้ออร่อยในแบบต้ม
ตามด้วย Steamed rice with Hair Crab on Earthenware หรือ ข้าวนึ่งปูขนบนเครื่องปั้นดินเผา (จานขวา) จากชุด Taraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) กับอาหารมื้อในแบบผัด

นอกจากนี้เมนูมื้ออาหารจากชุด Taraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) ยังขอส่งต่อ ซุปเส้นโซเมนและปลาญี่ปุ่น มาตบท้ายเมนูผัดให้โล่งคอกันอีกด้วย

Dessert (ของหวาน)
ตบท้ายรายการด้วยของหวานจากชุด Wagyu beef Hobayaki course (ชุดเนื้อวัว) ในเมนู Sweet jellied Mango with azuki หรือ เยลลี่มะม่วงกับอะซูกิ ไอศกรีมชาเขียวที่วางทับบนถั่วแดง เคียงคู่มากับเยลลี่มะม่วงที่นุ่มไปด้วยความหวาน

เสิร์ฟคู่กับของหวานจากชุดTaraba king crab Course (ชุดเนื้อปู) ในเมนู Yaki mango หรือ มะม่วงยากิ กับมะม่วงไทยผลสีทองสุกราดด้วยครีมซอส ในแบบฉบับของ Kitaoji

ร้าน Kitaoji Thailand ตั้งอยู่ที่ 212 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 8) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 สามารถเดินทางผ่านขนส่งสาธารณะ คือ รถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีทองหล่อแล้วต่อบริการสาธารณะอื่นๆ หรือถ้าจะให้สะดวกควรเป็นรถยนต์ส่วนตัว
ร้านเปิดทำการทุกวัน เวลา 18.00-23.00 น. (เนื่องจากทางร้านเพิ่งเปิดให้บริการในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ร้านจึงปิดทุกวันจันทร์จนถึงเดือนมิถุนายน) สามารถดูข้อมูลหรือสอบถามเกี่ยวกับการบริการได้ที่ Kitaohji Thailand
หรือติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-7147997 (ภาษาไทย) และ 061-387-3207 (ภาษาญี่ปุ่น)
ที่มา : pantip.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น